วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555

โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก

โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก (Old English Sheepdog) สุนัขพันธุ์นี้ไม่ปรากฎหลักฐานแน่ชัดว่ามีถิ่นกำเนิด ณ ประเทศใด แต่ได้รับการพัฒนาขึ้นทางฝั่งตะวันตกของประเทศอังกฤษ สมัยก่อนนิยมใช้ สุนัข โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก เป็นผู้นำทางฝูงแกะ และใช้งานต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้ โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก จึงเป็นสุนัขที่มีความแข็งแรง มีสัญชาตญาณในการเฝ้าบ้านชั้นเยี่ยม และจะไม่เห่าสุ่มสี่สุ่มห้า


ลักษณะนิสัย สุนัข โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก
    
          โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก จัดเป็นสุนัขอารมณ์ดีอีกสายพันธุ์หนึ่ง พวกเขารักสนุกและขี้เล่น ไม่ว่าคุณจะวิ่งเหยาะ ๆ หรือเพียงเดินเล่นในสวน เขาก็จะสนุกไปกับคุณด้วย ถ้าคุณเป็นคนติดบ้าน เขาก็พอใจกับการได้นอนอยู่ข้าง ๆ คุณ การเลี้ยง โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก เพียงแค่ให้เขาได้อยู่กับครอบครัว เขาก็มีความสุขเต็มที่แล้ว 

          ข้อดีของ โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก คือการมีคุณสมบัติเป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดีมาก เพราะอารมณ์คงที่ ไม่ก้าวร้าว เขามีเสียงที่นุ่มนวล ฉลาด สอนง่าย จิดใจดี เชื่อง และที่สำคัญ เป็นมิตรกับเด็ก ๆ


การเลี้ยงดู สุนัข โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก

          เพราะเป็นสุนัขสายพันธุ์ที่มีขนยาวและหนามาก โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก จึงต้องการการดูแลสูง ผู้เลี้ยงที่เหมาะสมกับเขา คือคนที่รักและมีเวลา เพราะจำเป็นต้องเอาใจใส่ดูแลเรื่องขนของเขาในทุก ๆ วัน เพื่อเลี่ยงฝุ่นและปัญหาขนพันกัน โดยอาจจะเล็มขนให้สั้นหน่อยก็ได้ ไม่เป็นปัญหาอะไร การอาบน้ำและแปรงขนให้เจ้า โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก อย่างสม่ำเสมอจะทำให้พวกเขาน่ารักและเหมาะจะเลี้ยงในบ้านอย่างมีความสุข

          อย่างไรก็ดี ควรตรวจดู ทำความสะอาดหู ตา ด้านหลัง และซอกเท้า เป็นประจำด้วย โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนต้องคอยระวังละอองหรือดอกหญ้าซึ่งอาจติดตามขน และเข้าไปถึงผิวหนังจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้

วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

ตำนานดอกซากุระ

"ซากุระ" มาจากคำเก่าแก่สองคำ คือ "ซา" หมายถึง วิญญาณแห่งพืชพันธุ์  และ  "กุระ" หมายถึง 
ที่ประทับของเทพเจ้า ดังนั้นคำว่า "ซากุระ" จึงหมายถึง ที่สถิตของจิตวิญญาณแห่งพืชพันธุ์ทั้งปวง
ในแง่ของตำนาน ซากุระเกิดขึ้นมาเพราะเทวนารีองค์หนึ่ง คือ โคโนะฮานะ ซากุยะ ฮิเมะ เชื่อกันว่า พระนางเป็นผู้ริเริ่มปลูกซากุระขึ้นเป็นครั้งแรก จึงได้ชื่อตามพระนามของนาง 



โคโนะฮานะ ซากุยะ ฮิเมะ เป็นธิดาของโอโฮยามัทซูมิ เทพแห่งภูเขา วันหนึ่งพระนางได้พบเทพนินิงิที่ชายทะเล และตกหลุมรักซึ่งกันและกัน เทพนินิงิทูลขอเทพโอโฮยามัทซูมิเพื่อขอนางมาเป็นชายา ในตอนแรก เทพโอโฮยามัทซูมิได้เสนอธิดาอีกพระองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นเทพีแห่งก้อนหินมาเป็นคู่สยุมพรแทน แต่เทพนินิงิไม่ยอม  พระองค์ยังยืนกรานในรักมั่นที่มีต่อเทวี แห่งซากุระ ในที่สุดจึงได้วิวาห์ดังที่ปรารถนา หลังอภิเษกได้เพียงวันเดียวเทพีโคโนะฮานะ ซากุยะ ฮิเมะก็ทรงครรภ์ เทพโอโฮยามัทซูมิทรงคลางแคลงพระทัยว่าบุตรในท้องไปลูกของพระองค์จริงหรือไม่ 

การที่เทพีโคโนะฮานะ ซากุยะ ฮิเมะ ได้กำเนิดโอรสในกองเพลิงนี่เอง ทำให้ชาวบ้านเชื่อกันว่า พระนางควบคุมไฟได้ เลยก็เลยมีการสร้างศาลบูชาพระนางขึ้นที่ตีนภูเขาไฟฟูจิในปี ค.ศ.806 ด้วยความหวังว่า พระนางจะช่วยไม่ให้ภูเขาไฟพิโรธ ทำให้ประชาชนเดือดร้อน พระนางจึงกลายเป็นเทพีแห่งภูเขาไฟฟูจิด้วย จนถึงทุกวันนี้ ผู้ที่ไปเยือนภูเขาไฟฟูจิมักจะแวะไปศักการะศาลของพระนางและเชื่อกันอีกอย่างว่า เมล็ดพันธุ์ของต้นซากุระที่พระนางนำมาปลูกเป็นครั้งแรกในญี่ปุ่นนั้น ก็มาจากภูเขาไฟฟูจิซึ่งพระองค์ดูแลอยู่นี่เอง

นอกจากนั้น พระนางยังเป็นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ ความปลอดภัยในบ้านและเปลี่ยนโชคร้ายให้กลายเป็นดี ให้ผู้คนได้ตามที่หัวใจปรารถนาด้วย


วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

ปาโบล รุยซ์ ปิกัสโซ (Pablo Ruiz Picasso)

ปาโบล รุยซ์ ปิกัสโซ (Pablo Ruiz Picasso) เป็นจิตรกรเอกของโลก ที่ได้รรับการยกย่องว่าเป็นศิลปินที่มีพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์มากที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 

ปีกัสโซเกิดเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1881 ที่เมืองมาลากา แคว้นอันดาลูเซีย ประเทศสเปน เป็นบุตรชายคนโตของ ดอนโคเซ รุยซ์ อี บลัสโก (Don Jose Ruiz สเปน : Don José Ruiz y Blasco) กับมารีอา ปีกัสโซ อี โลเปซ (Maria Picasso Ruiz ; สเปน : María Picasso y López) บิดาของปิกัสโซเป็นครูสอนศิลปะในมหาวิทยาลัย เมื่อตอนเป็นทารก ปิกันโซ่ พูดคำว่า "piz, piz" [มาจากคำว่า "lápiz" (ลาปิซ) ที่แปลว่าดินสอในภาษาสเปน] เป็นคำแรก แทนที่จะพูดคำว่า "แม่" เหมือนเด็กทั่วไป

ปีกัสโซได้รับจานสีและพู่กันเป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุ 6 ขวบจากบิดา เขาฉายแววการเป็นศิลปินระดับโลก เมื่อครั้งนึงที่บิดาของปีกัสโซกำลังวาดรูปนกพิราบของเขาอยู่นั้น สิ่งที่น่าทึ่งก็ได้บังเกิดขึ้น เมื่อบิดาของเขาออกไปจากห้องเพื่อทำอะไรบางอย่าง ปีกัสโซได้เข้าไปในห้อง แล้ววาดภาพนกพิราบต่อจนเสร็จ เมื่อบิดาเขากลับเข้ามาจึงได้พบว่าภาพที่วาดนั้น เสร็จสมบูรณ์และมีพลังมากกว่าที่ตนเองวาดเสียอีก

ผลงานของปิกัสโซมีหลากหลายรูปแบบ รวมถึงศิลปะภาพสีพู่กัน (painting), ภาพวาด (drawing), รูปหล่อ รูปปั้น (sculpture), ภาพพิมพ์ (printmaking) และ เครื่องเคลือบดินเผา (ceramics) ปิกัสโซสร้างสรรงานใหม่ๆ ขึ้นอย่างสม่ำเสมอ เขาเคยใช้ส่วนต่างๆ ของวัสดุในงานศิลปะของเขา ครั้งหนึ่งเขาใช้ชิ้นส่วนเก่าของรถจักรยาน ในการทำงานหล่อ ที่ชื่อ Bull's Head

ชีวประวัติของปิกัสโซจะแตกต่างจากจิตรกรชื่อดังหลายๆ คนที่ เมื่อเสียชีวิตจิตรกรเหล่านั้นจะยากจน และไม่เป็นที่รู้จัก ขณะที่ปิกัสโซร่ำรวยและได้รับการยกย่องเชิดชูให้เป็นจิตรกรเอกก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1973 (8 เมษายน ค.ศ. 1973) เมื่อเขาอายุได้ 91 ปี


ผลงานของปิกัสโซ
Portrait of Picasso  วาดเมื่อปี ค.ศ. 1912
  เป็นภาพวาดสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ
  ขนาดภาพ 93.4 x 74.3 ซม. (36 3/4 x 29 1/4 นิ้ว)
  สถานที่แสดง Art Institute of Chicago














 Man in the Cafe
  วาดเมื่อปี ค.ศ. 1912
  เป็นภาพวาดสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ
  ขนาดภาพ 128.2 x 88 ซม.
  สถานที่แสดง Philadelphia Museum of Art

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

ช็อคโกแลต


ช็อกโกแลต ถูกค้นพบมาตั้งแต่สองพันปีที่แล้ว หลังสมัยพระนางคลีโอพัตราแห่งอียิปต์ เป็นผลผลิตที่ได้จากเมล็ดของต้นคาเคา (cacao) ในป่าร้อนชื้นของทวีปอเมริกา จัดอยู่ในตระกูล Theobroma cacao แปลว่า “อาหารแห่งทวยเทพ”
ชนกลุ่มแรกที่รู้จักทำช็อกโกแลตเป็นอารยธรรม โบราณที่อยู่ในเม็กซิโก และอเมริกากลาง ชนกลุ่มนี้ได้แก่ชาวมายา และชาวแอซเทค แห่งอารยธรรมเมโสอเมริกา คนเหล่านี้เอาเมล็ดคาเคามาบดแล้วผสมกับเครื่องปรุงหลายชนิดเพื่อทำเป็น เครื่องดื่มที่มีรสขมเฝื่อน นอกจากใช้ประกอบอาหารแล้วช็อกโกแลตยังเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตเชิงศาสนาและ สังคมด้วย
ชาวมายา (ค.ศ. 250-900) เป็นชนชาติแรกที่มีหลักฐานชัดเจนว่าได้ค้นพบความลับของต้นคาเคา โดยพวกเขาได้นำต้นคาเคามาจากป่าฝนและปลูกไว้ที่สวนหลังบ้าน พอออกฝักก็เก็บเอาเมล็ดมาหมักบ้าง คั่วบ้าง และยังบดเป็นเนื้อเหนียว อยากชงเป็นเครื่องดื่มก็เอามาผสมน้ำ โรยพริกไท แป้งข้าวโพด ก็จะได้เครื่องดื่มช็อกโกแลตรสซาบซ่ามีฟองฟ่อง
ต่อมาราวคริสต์ศตวรรษที่ 14 อาณาจักรของชาวแอซเทคครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของอารยธรรมเมโสอเมริกา โดยมีเมืองหลวงตั้งอยู่ที่เมืองปัจจุบันเรียกว่า เม็กซิโก ซิตี้ ชาวแอซเทคได้ซื้อขายเมล็ดคาเคากับชาวมายาและชนชาติอื่น และยังเรียกเก็บค่าบรรณาการจากพลเมืองของตนและเชลยเป็นเมล็ดคาเคา โดยใช้แทนค่าเงิน ชาวแอซเทคนิยมดื่มช็อกโกแลตขมเช่นเดียวกับชาวมายายุคแรก โดยปรุงรสชาติให้ซู่ซ่าขึ้นด้วยเครื่องเทศ ชาวเมโสอเมริกาสมัยนั้นยังไม่มีใครปลูกอ้อยก็เลยไม่มีใครใส่น้ำตาลกัน
เล่ากันว่า คนมายายุคคลาสสิกชอบดื่มช็อกโกแลตกันในวาระพิเศษ ขณะที่บรรดาเชื้อพระวงศ์จะนิยมดื่มกันมาก ส่วนชาวแอซเทค บรรดาผู้ปกครองระดับสูง พระ ทหารยศสูง และพ่อค้าที่มีหน้ามีตาเท่านั้นที่มีสิทธิลิ้มรสเครื่องดื่มศักดิ์สิทธิ์นี้ ช็อกโกแลตมีบทบาทสำคัญในพิธีของราชวงศ์และศาสนา เพราะใช้เมล็ดคาเคาเป็นเครื่องสักการะเทพเจ้า และดื่มในพิธีสำคัญ สำหรับที่มาของชื่อช็อกโกแลตนั้นยังไม่มีใครอธิบายได้แจ่มชัด แต่มีความเป็นไปได้สองทาง ทางแรกเป็นคำที่ผันมาจากคำว่า “ช็อคโกลัจ” ในภาษามายา ซึ่งหมายถึง มาดื่มช็อกโกแลตด้วยกัน อีกทางหนึ่งอธิบายว่าน่าจะมาจากภาษามายาเช่นกัน คือ ” chocol” แปลว่า ร้อน ผสมกับคำว่า “atl” ของแอซเทคที่แปลว่า น้ำ พอมารวมกันจึงกลายเป็นคำว่า chocolatl และมาเป็น chocolate ต่อมาในยุโรป


ประโยชน์ของช็อกโกแลต
1.ป้องกัน การเกิดมะเร็ง
เพราะได้พิสูจน์พบแล้วว่า สารที่พบในช็อกโกแลตเป็นสารชนิดเดียวกันกับ สารที่พบใน ผัก ผลไม้ และไวน์แดง
2. ให้ช่วยคลายเครียด
ช็อกโกแลตมีสารกระตุ้นระบบประสาท ทำให้สมองผ่อนคลาย และยังมีเซโรโทนินซึ่งเป็นสารสร้างความสุข ทำให้อารมณ์ดี ยิ่งกินยิ่งHappy
3.ช่วยปรับอารมณ์ และจิตใจ ให้เข้าสู่สภาวะปกติ
เหมาะมากสำหรับสาวๆ ที่เลือดจะไปลมจะมาทั้งหลาย ฉะนั้นช็อกโกแลตจึงถือได้ว่าเป็นขนมหวานอันดับหนึ่งสำหรับผู้หญิงเลย ช่วยลดอาการปวดท้อง หงุดหงิด หน้าบวม ตัวบวม ก่อนมีประจำเดือนอย่างได้ผล
4.ช่วยแก้อาการเมาค้าง
ช็อกโกแลตช่วยแก้อาการเมาค้าง หรือ hangover ได้ด้วย
5.ลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ
เพราะในตัวช็อกโกแลตนั้นมีสารที่ชื่อว่าฟีโนลิคอยู่ในปริมาณสูงซึ่งฟีโนลิ คเป็นสารซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระป้องการก่อตัวของไขมันในเส้นเลือดงและ ที่สำคัญยังช่วยให้แก่ช้าได้อีกด้วย
6.ช่วย ลดอาการอักเสบ
ช็อกโกแลตช่วยลดอาการอักเสบ เวลาเจ็บป่วยต่างๆ มีผลต่อสมอง เพราะช่วยให้ตื่นตัว และยังช่วยให้ กระฉับกระเฉงอีกด้วย
7.ไม่มีผลต่อระดับคอเรสเตอรอล
มีไขมันอิ่มตัว ปกติไขมันอิ่มตัวเป็นไขมันร้าย ที่เป็นอัตรายต่อร่างกาย ทำให้ระดับคอเรสเตอรอลในเลือดสูง แต่ยกเว้นไขมันใชช็อกโกแลต ถึงแม้จะเป็นไขมันอิ่มตัวเหมือนกัน แต่นักวิจัยยืนยันว่า….ไม่มีผลต่อระดับคอเรสเตอรอลเลย
8.ช็อกโกแลตเป็นมิตรกับฟัน
แม้ว่าของหวานจะเป็นตัวการทำให้ฟันผุ แต่สำหรับช็อกโกแลตนั้น เป็นข้อยกเว้น เพราะช็อกโกแลต ละลายได้ในน้ำลาย จึงไม่เหลือคราบติดที่ฟัน และยังมีกรดแทนนินซึ้งช่วยยับยั้ง การเกิดแบคทีเรียที่ทำให้ฟันผุด้วย